✟ ภายในโบสถ์
Sept 6, 2017 23:48:58 GMT 7
Post by Father on Sept 6, 2017 23:48:58 GMT 7
ชาร์ลิซหันไปทางเสียงเรียก หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อสายตาปะทะกับแสงตะเกียงที่ยื่นมาตรงหน้า
ปรับสายตาสักพักก่อนจะพบว่าคนที่อยู่หลังดวงตะเกียงคือคนที่เธอตั้งใจมาพบพอดี “คุณพ่อ สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวปล่อยให้ชายสูงวัยทำธุระของเขา ส่วนตัวเธอผลักประตูเข้าห้องทำงานของบาทหลวงคาร์เตอร์
อากาศในห้องอุ่นกว่าด้านนอกมาก แต่ชาร์ลิซเลือกที่จะไม่ถอดเสื้อโค้ทออกจากตัว
ด้านในเป็นเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียว หากต้องใส่ต่อหน้าบาทหลวงคงไม่เหมาะนัก
มือบางประคองถ้วยนมอุ่นๆ ไม่ลืมที่จะเติมน้ำตาลสักก้อนสองก้อนลงไปตามที่อีกฝ่ายแนะนำ
ชาร์ลิซยังไม่ได้ยกมันขึ้นมาดื่มโดยทันที ยกสองมือขึ้นมาอังกับถ้วยกาแฟไล่ความเย็นตามเรียวนิ้วให้หายไป
ไออุ่นจัดลอยวนเหนือแก้ว ปลายจมูกโด่งสัมผัสได้ถึงความร้อนของไอยามที่ยกมันขึ้นมาดื่ม
เสียงประตูเปิดออกพร้อมร่างของบาทหลวงคาร์เตอร์
ชาร์ลิซหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย “ขอโทษนะคะที่มารบกวนซะดึกเลย”
เธอเงียบลงไปนิดหน่อย เคาะนิ้วลงบนแก้วอย่างใจลอย
“หนู…นอนไม่ค่อยหลับ เลยออกมาเดินเล่น แต่ก็มาโผล่ที่นี่อีกแล้ว”
รอยยิ้มน้อยๆ ถูกส่งให้คนเป็นบาทหลวง บรรยากาศอบอุ่นรอบกายอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกสงบลง
เรื่องราวในหัวยังคงวนเวียนอยู่อย่างที่ไม่สามารถจับมันมาเรียงให้เป็นประโยคได้
ชาร์ลิซจึงตัดสินใจเอ่ยประโยคที่เธอไม่คิดว่าจะต้องเอ่ยกับอีกฝ่ายในเวลานี้
"คุณพ่อคะ เล่าเรื่องตลกให้หนูฟังสักเรื่องได้ไหมคะ"
คาร์เตอร์ลอบมองคนใจลอย หญิงสาวตรงหน้ากำลังใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ
มันทำให้เขานึกถึงผู้กำกับเลือดร้อน สั่งคัทเสียงดังไปทั่วกองถ่าย
ก่อนจะเดินเอาบทละครมาเคาะหัวนักแสดงแรงๆ สักทีสองที
เพราะหลังจากที่ฟังความปรารถนาของชาร์ลิซ (คาร์เตอร์ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ใครสักคนหัวเราะกับเรื่องตลก
เว้นเสียแค่คุณจะเป็นคนเส้นตื้นที่หัวเราะได้แม้กระทั่งการเห็นท้องฟ้า
แล้วบอกกับตนว่า “วันนี้อากาศสดใส” นั่นแหละ เขาถึงจะยอมเอ่ยปาก)
คนเป็นบาทหลวงก็ทำสีหน้ากลืนไม่เข้า คายไม่ออกอยู่นานสองนาน
“ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ เดิมที โบสถ์แห่งนี้ก็ถูกออกแบบมาให้ต้อนรับทุกคน”
เขาหยิบสมุดโน๊ต เปิดไปหน้าว่างๆ มองเธอ ก่อนจะเริ่มวาดเขียน “รวมถึงทุกเวลา”
“ดูเหมือนลูกจะใจลอยบ่อย” หลักฐานคือการที่เขาได้เจอเธอที่นี่ เวลานี้
“เรื่องตลกหรือครับ อืม..” คาร์เตอร์คาบดินสอ ใช้มือปัดขี้ยางลบ
เขาเองก็ไม่ใช่คนตลกขนาดที่จะมาเรื่องขำขันในหัวอยู่ตลอดเวลา
“ตอนพ่อเป็นบาทหลวงใหม่ๆ มีเด็กคนหนึ่งมาสารภาพบาปกับพ่อ
‘ผมอยากได้จักรยานมาก แต่ผมรู้ว่าการร้องขอกับพระเจ้าใช้กับเรื่องแบบนั้นไม่ได้’
น้ำเสียงเขาดูทื่อๆ ไม่ได้รู้สึกผิด” คาร์เตอร์พูดถึงเรื่องเก่าๆ เขารู้ว่ามันอาจไม่ตลก
แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้บรรยากาศเงียบ “พ่อถามเขาว่า เขาทำยังไงกับเรื่องนั้น
เด็กคนนั้นเล่าต่อ ‘ผมเลยไปขโมยจักรยานมา แล้วขอให้พระเจ้ายกโทษให้ผม’
แล้วเขาก็วิ่งหนีไป โดยที่พ่อยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่ที่ตลกกว่านั้น”
เขาจิ๊ปาก ยื่นสมุดให้หญิงสาวดู “จักรยานที่เด็กคนนั้นขโมยไปคือจักรยานของพ่อเอง”
นานแล้ว ที่คาร์เตอร์ไม่ได้วาดรูปคน
เขาถือโอกาสใช้ชาร์ลิซ คนสวนที่มักจะมีอะไรในใจจนต้องมาหาเขาบ่อยๆ เป็นแบบ
“อาจจะดูไม่สวยมาก แต่อย่างน้อย ในรูป ลูกก็ยิ้มนะชาร์ลิซ”