✟ ภายในโบสถ์
Aug 28, 2017 12:30:23 GMT 7
Post by morpheus on Aug 28, 2017 12:30:23 GMT 7
เขาดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ฟังที่เขาพูดไปเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะพูดออกไป
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากถามว่าเหม่ออะไรอยู่ แต่คนข้างๆก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
มอร์เฟียสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา จริงๆเขาอยากให้อีกฝ่ายนอนพักผ่อนมากกว่านี้
แต่ถ้าคนเริ่มทยอยมากันแล้วเห็นบาทหลวงนอนอยู่แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่
ไม่เกินสิบห้านาที...
เขาโคลงหัวไปมาเบาๆให้กับจำนวนนาทีนั่น
"ก็ได้ครับ"
ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้นั่งเฉยๆ...เหมือนกับคำถามที่ได้รับก่อนหน้า
แต่เป็นการนั่งเฉยๆที่เขาเต็มใจที่สุดในชีวิตแล้ว
มอร์เฟียสเหล่มองชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งซบไหล่ตัวเองอยู่ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครเห็น...และไม่อยากให้ใครเห็นด้วย
"ฝันดีนะครับ...คุณพ่อคาร์เตอร์"
เขาพูดเบาๆด้วยกลัวว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น
ถ้าเลือกได้อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้...ตอนที่มีแค่พวกเขาสองคน
ไม่รู้ตัวว่าตอนไหน ที่เขาค่อยๆก้มไปหาอีกฝ่าย เขารู้แค่ว่าอยากจะมองหน้าให้ชัดกว่านี้
กว่าจะรู้สึกตัว ริมฝีปากเขาก็สัมผัสกับปากคนตรงหน้าเบาๆแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้งเหมือนหลุดจากภวังค์ เขารีบผละใบหน้าออกมานั่งดีๆ
นุ่ม...
แค่คิดถึงความรู้สึกนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีแดงไปหมด
ให้ตายเถอะมอร์เฟียส...ควบคุมตัวเองหน่อย นี่มันในโบสถ์
เข็มยาวบอกเวลาครบสิบห้านาทีจนได้... มอร์เฟียสนึกอยากให้เวลาเดินช้าลงอีกสักนิด
มันเร็วเกินไป
เพราะอีกฝ่ายพิงไหล่อยู่ จึงไม่ต้องก้มลงไปมากนัก ชายหนุ่มใช้โทนเสียงนุ่มทุ้มปลุกคนที่กำลังหลับสบาย
"สิบห้านาทีแล้วครับ...ตื่นได้แล้ว"
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากถามว่าเหม่ออะไรอยู่ แต่คนข้างๆก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
มอร์เฟียสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา จริงๆเขาอยากให้อีกฝ่ายนอนพักผ่อนมากกว่านี้
แต่ถ้าคนเริ่มทยอยมากันแล้วเห็นบาทหลวงนอนอยู่แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่
ไม่เกินสิบห้านาที...
เขาโคลงหัวไปมาเบาๆให้กับจำนวนนาทีนั่น
"ก็ได้ครับ"
ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้นั่งเฉยๆ...เหมือนกับคำถามที่ได้รับก่อนหน้า
แต่เป็นการนั่งเฉยๆที่เขาเต็มใจที่สุดในชีวิตแล้ว
มอร์เฟียสเหล่มองชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งซบไหล่ตัวเองอยู่ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครเห็น...และไม่อยากให้ใครเห็นด้วย
"ฝันดีนะครับ...คุณพ่อคาร์เตอร์"
เขาพูดเบาๆด้วยกลัวว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น
ถ้าเลือกได้อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้...ตอนที่มีแค่พวกเขาสองคน
ไม่รู้ตัวว่าตอนไหน ที่เขาค่อยๆก้มไปหาอีกฝ่าย เขารู้แค่ว่าอยากจะมองหน้าให้ชัดกว่านี้
กว่าจะรู้สึกตัว ริมฝีปากเขาก็สัมผัสกับปากคนตรงหน้าเบาๆแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้งเหมือนหลุดจากภวังค์ เขารีบผละใบหน้าออกมานั่งดีๆ
นุ่ม...
แค่คิดถึงความรู้สึกนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีแดงไปหมด
ให้ตายเถอะมอร์เฟียส...ควบคุมตัวเองหน่อย นี่มันในโบสถ์
เข็มยาวบอกเวลาครบสิบห้านาทีจนได้... มอร์เฟียสนึกอยากให้เวลาเดินช้าลงอีกสักนิด
มันเร็วเกินไป
เพราะอีกฝ่ายพิงไหล่อยู่ จึงไม่ต้องก้มลงไปมากนัก ชายหนุ่มใช้โทนเสียงนุ่มทุ้มปลุกคนที่กำลังหลับสบาย
"สิบห้านาทีแล้วครับ...ตื่นได้แล้ว"
แม้ว่าจะเป็นเวลาช่วงสั้นๆ ในการเข้าสู่ห้วงนิทรา ภาพเดิมที่ฝันมาตลอดหลายสิบปีก็เริ่มขึ้น
มันฉายซ้ำวนไปมา คล้ายกับมีคนกดเล่น กรอเทปอยู่ในหัวของคาร์เตอร์
เริ่มตั้งแต่วันที่เขาบอกว่าไม่ชอบอาหารฝีมือแม่ ลากยาวไปถึงวันแรกของการเป็นทหาร
ทุกๆ ครั้งจะจบลงด้วยการที่เขาตัดสินใจลาออกจากกองทัพ เดินทางกลับบ้าน
คิดอยู่นานสองนานว่าจะเคาะประตูบอกบุพการีของตัวเองอย่างไรว่าเขามาแล้ว
แต่พอเปิดประตูเข้าไป คาร์เตอร์ก็ไม่เคยเห็นทั้งสองรออยู่เลย
กับครั้งนี้ก็เช่นกัน ฝันของเขาเริ่มได้แค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
คาร์เตอร์รู้สึกถึงแรงขยับอยู่ข้างกาย ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะประมวลผลได้
ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ลืมตาไม่ขึ้น คงเพราะว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ร่างกายจะประท้วงก็ไม่แปลก
แต่ที่แปลก..
คงเพราะเขากำลังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น
ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับผ่านประสาทสัมผัสนั้นเป็นจริงรึเปล่า
นอกจากสายลมวู่หวิว พัดต้องไปมาอย่างกราวเกรียว
กลิ่นโคโลญที่ไม่ใช่ของตัวเขาเอง เสียงลมหายใจที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนจะค่อยๆ หายไปเมื่อรสสัมผัสมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก
จากไออุ่น แปรเปลี่ยนเป็นความร้อน ในตอนที่ผละออก เหมือนพึ่งรู้สึกตัว
ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรทำ ความรู้สึกต่างๆ คงกำลังวิ่งพล่านอยู่ในหัว
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นดังที่คนข้างกายของเขาต้องการ
.
.
.
.
นานหลายอึดใจกว่าจะได้ยินเสียงปลุก โชคดีที่เหตุการณ์เมื่อครู่
เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังงีบหลับ หรืออย่างน้อยก็เหมือน
“ครับ ครับ ตื่นแล้ว” เสียงงัวเงียฟังดูอ่อนเพลียนั่นไม่ได้แกล้ง
คาร์เตอร์ยังไม่ลุกออกจากม้านั่งทันที เขายังนั่งพิงไหล่ของมอร์เฟียสไปอีกสักพัก
“นี่ เมื่อกี้น่ะ..” เว้นช่วงไปนานจนน่าใจหาย พอที่จะให้อีกฝ่ายได้กังวลว่าเขาจะพูดอะไร
.
.
.
.
“ฝันถึงเรื่องสมัยก่อนด้วย ถ้าเราไม่เบื่อกันซะก่อน ไว้พ่อจะเล่าให้ฟัง”
คาร์เตอร์ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ด้านนอก
เด็กที่เขารับไว้ดูแลคงจะตื่นกันหมดแล้ว นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอก
ว่าตัวเขาเองก็ต้องเลิกอู้งาน ไม่ว่าใครต่างก็มีหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ทำมากเท่าไหร่ เว้นแต่หนังสือร้องเพลง
ถ้าลูกอยากช่วยงาน พ่อเองก็ขอรบกวน ส่วนตอนนี้ ขอตัวไปดื่มกาแฟสักครู่นะครับ”
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน มือยื่นไปลูบหัวคนหนุ่มกว่าสอง สามทีอย่างถือวิสาสะ
“ที่ให้ยืมไหล่น่ะ ขอบใจนะมอร์เฟียส”
ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไรที่อีกฝ่ายยังนอนพิงไหล่ตัวเองต่อ เขาอยากให้อยู่แบบนี้ไปนานๆด้วยซ้ำ
เมื่อกี้?
รู้สึกตัวเหรอ...จะไม่พอใจรึเปล่า?
มอร์เฟียสอดกังวลไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเว้นไปนาน รีบๆพูดส่ิครับพ่อ
คนร้อนตัวมันก็เป็นแบบนี้ ใบหน้านั้นขึ้นสีจางๆอีกรอบเมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งทำไป
หลังจากได้รู้ว่าเป็นคนละเรื่องกับที่เขาคิด ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
"ผมอยากฟังเรื่องของพ่อครับ จะเบื่อได้ยังไงกัน"
เป็นเรื่องดีที่อีกฝ่ายจะเล่าเรื่องในอดีตของตัวเองให้เขาฟัง มอร์เฟียสอยากรู้จักคนข้างตัวให้มากกว่านี้
"ถ้าพ่อพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็เล่านะครับ...ผมรอฟังอยู่ตลอด"
เมื่อได้ยินเสียงเด็กๆดังขึ้นจากด้านนอก ชายหนุ่มก็รู้ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขของวันนี้ได้หมดลงแล้ว
แต่หลังจากนี้คงมีเวลาอีกมาก...ที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้
ชายหนุ่มไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เขารอได้
มอร์เฟียสหลับตาลงเมื่อชายสูงวัยกว่ายื่นมือมาลูบหัว รอยยิ้มถูกระบายออกมาบนใบหน้า
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเตือนสติตัวเองว่าได้เวลาทำงานแล้ว
"ดื่มกาแฟให้อร่อยนะครับพ่อ ผมจะ'ตั้งใจ'ฟังคำเทศน์วันนี้"
เขาลุกไปหยิบหนังสือร้องเพลงมาวางไว้ตามม้านั่ง ปล่อยให้บาทหลวงไปหาไรดื่มตามที่ต้องการ
LOVE POINT
Carter to Morpheus : +7 LP