✟ สุสาน
Sept 1, 2017 0:49:32 GMT 7
Post by morpheus on Sept 1, 2017 0:49:32 GMT 7
เดี๋ยวพ่อถีบ…ก็เป็นชื่อที่เข้ากับมันดีไม่น้อย
ชายหนุ่มคิดว่าหากคราวหน้ามันขโมยของสำคัญไป คงโดนถีบตามชื่อเป็นแน่แท้
มอร์เฟียสหลุดขำออกมาเบาๆเมื่อนึกภาพเจ้าขนปุยตัวน้อยโดนบาทหลวงถีบ
เขาลอบมองคนที่ขุดดินอยู่ไม่ไกลจากตัวนัก แม้ชายเสื้อจะหลุดออกมาแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่
หาได้ยากที่อีกฝ่ายจะปล่อยตัวตามสบายอย่างนี้ แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจได้ว่าเพราะใช้แรงงานอยู่
“ถ้าพ่ออยากฟังเรื่องของผม แลกกันเล่าก็ได้ครับ”
เขาไม่มีปัญหาที่จะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังอยู่แล้ว และมันก็ดูยุติธรรมดี ที่ผลัดกันเล่า
เพราะถ้าเขาเอาแต่ฟังอีกฝ่ายเล่าก็ดูจะเอาเปรียบไปหน่อย
ชายหนุ่มฟังเสียงของอีกฝ่ายที่ถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตออกมาแล้วนึกภาพตาม
พ่อสมัยหนุ่มๆ…เขานึกถึงเด็กเกเรที่แอบไปสูบบุหรี่หลังโรงเรียน ในห้องน้ำ รวมกลุ่มกันทำเรื่องเฟี้ยวๆ
ในชีวิตครูของเขาเจอเด็กแบบนั้นมาเยอะ…บ้างก็คิดได้ บ้างก็คิดไม่ได้
“แสบนะครับเนี่ยเมื่อก่อน ผมจะหักคะแนนจิตพิสัยมิสเตอร์คาร์เตอร์ ห้าคะแนนครับ”
ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงดุแบบที่เขาใช้กับนักเรียนเมื่อครั้งยังเป็นครู แต่ตรงมุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
ชีวิตทหารที่อีกฝ่ายเล่ามาเหมือนจะเป็นแค่ช่วงแรก ชายหนุ่มนับถืออีกฝ่ายมากที่สมัครเข้าเป็นทหาร แถมยังอยู่ตั้งหลายปี
ต่างจากเขาที่กฏหมายของประเทศบังคับ ถึงจะแค่ปีเดียว แต่มันก็นานสำหรับคนไม่เต็มใจ
จริงๆมอร์เฟียสอยากฟังช่วงหลังมากกว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเลิกเป็นทหารและผันตัวมาเป็นบาทหลวง
คนๆนี้เจอกับอะไรมาบ้างในชีวิตทหารช่วงสงคราม
“Вы говори́те по-ру́сски?”
พอรู้ว่าอีกฝ่ายพูดรัสเซียได้ มอร์เฟียสเลยลองถามประโยคง่ายๆไปดู
‘พูดรัสเซียได้เหรอครับ’ คือคำแปลของประโยคนั้น
เอาเข้าจริงๆก็แค่อยากจะแกล้งขำๆ ภาษารัสเซียพูดยากออกขนาดนั้น ถ้าไม่ได้ใช้แล้วลืมไปก็ไม่แปลก
มอร์เฟียสคว้ากระป๋องน้ำอัดลมที่อีกฝ่ายโยนมาให้ไว้ได้อย่างแม่นยำ ว่าแต่ทำไมมันมาอยู่ในสุสานได้ล่ะเนี่ย
ถ้าเพื่อนให้มันก็น่าจะอยู่ในโบสถ์ไม่ใช่เหรอครับพ่อ
ชายหนุ่มวางจอบที่ถืออยู่พิงไว้กับป้ายหลุมศพใครสักคนแถวนั้น
ก่อนจะเปิดกระป๋องน้ำอัดลมแล้วกระดกลงคอรวดเดียวไปด้วยความกระหายน้ำ แล้วหันไปส่งยิ้มให้เจ้าของน้ำเลิศรสที่ตอนนี้นั่งพักไปเรียบร้อยแล้ว
“อร่อยจริงๆด้วยครับ เอาของอร่อยมาให้ผมแบบนี้ ไม่เสียดายเหรอ”
กระป๋องเปล่าถูกวางลงบนป้ายหลุมศพใครสักคน ก่อนที่มอร์เฟียสจะหันไปหยิบจอบมาขุดต่อ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งพัก และฟังเรื่องราวของเขา
“สาเหตุที่ผมมาที่นี่ อืม…ผมอาจเคยบอกคนอื่นว่าผมเบื่อชีวิตในเมืองนะครับ
แต่เหตุผลจริงๆคือผมโดนไล่ออก”
นึกถึงเรื่องราวในรั้วโรงเรียนก็เรียกเสียงถอนหายใจหน่ายๆจากเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
มอร์เฟียสเคยเป็นครูหนุ่มไฟแรง
เขามักช่วยเหลือเด็กๆที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเรียน เขาก็เต็มใจช่วยหากเห็นว่ามันสมควร
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ…มีเด็กคนนึงเขาติดเอฟวิชาที่ผมสอน
เขาเป็นเด็กเกเร มาโรงเรียนไม่เคยเรียน ถึงเวลาสอบก็ทำข้อสอบไม่ได้ ผมก็ต้องให้เขาตก ให้เรียนซ้ำ
จะปล่อยผ่านไม่ได้ ถูกไหมครับ? มันไม่แฟร์กับคนอื่น”
อยู่ๆชายหนุ่มก็หยุดขุดดินไปดื้อๆ เขานึกถึงวันสุดท้ายที่เขาไปทำงาน วันนั้นเขาถูกเรียกไปเข้าพบผู้อำนวยการ
ภายในห้องมีพ่อกับแม่ของเด็กคนนั้น และผู้อำนวยการโรงเรียนนั่งรออยู่แล้ว
บนโต๊ะมีเงินรูเบิลอยู่ปึกใหญ่ๆ มอร์เฟียสไม่ใช่คนโง่งม แค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าคนพวกนั้นต้องการให้เขาทำอะไร
“พวกเขาจะเอาเงินฟาดหัวผม ให้ผมแก้เกรดให้เด็กคนนั้น
‘แค่ตัวอักษรตัวเดียว แก้เถอะมอร์เฟียส’ผอ.เขาพูดแบบนี้ล่ะครับ”
เขาเดินไปนั่งลงข้างๆชายวัยกลางคน เขาหลับตาลง นึกถึงเรื่องราวหลังจากนั้น
มันเป็นหนึ่งในเหตุกาณ์ที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
“ผมบอกพวกเขาไปว่าผมทำไม่ได้ มันผิดจรรยาบรรณ มันเอาเปรียบคนอื่นที่เขาได้เกรดมาด้วยความสามารถ
ไม่ใช่ใช้เงินซื้อ แล้วที่ตลกร้ายก็คือผมก็โดนเด้งออกในวันนั้นเลย”
นั่นเป็นเรื่องราวก่อนที่มอร์เฟียสจะย้ายมาที่ฟาร์มฮัคเคิลเบอร์รี่ การคอร์รัปชั่นมันทำให้เขาเสื่อมศรัทธาที่จะอยู่ในระบบนั้นต่อ
ชายหนุ่มหยุดพูดไปแค่นั้น...เพราะเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน และเขายังทำใจไม่ได้เท่าไหร่
คราวนี้คาร์เตอร์สลับให้มอร์เฟียสเป็นผู้พูดบ้าง เขาส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงว่าฟังอยู่
ปล่อยให้อีกคนเล่าเรื่องราวของตัวเอง ดูเหมือนอดีตคุณครูจะรักคุณธรรม
มากกว่าเงินตราหรือชื่อเสียง ชายวัยกลางคนรู้ว่าการใช้ปากกาเขียนเกรดโง่ๆ
มันง่ายกว่าการหักห้ามใจอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนยันทำตามกฏที่ตัวเองตั้งไว้ในใจ
“คุณธรรมสูงดีนะครับ” บาทหลวงเอ่ยชม พลางนึกถึงเรื่องอะไรๆ
ที่คนหนุ่มทำตั้งแต่เจอกับเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอาน่ะ นั่นมันก็คนละประเด็น
กระป๋องน้ำในมือเริ่มเหลือน้อยเต็มที คาร์เตอร์ดื่มไปอีกอึกใหญ่
พลางคิดว่ารสชาติก็ไม่ได้ดีถึงขนาดต้องเสียดาย มันก็แค่กระป๋องน้ำอัดลมธรรมดา
ที่ถูกฝังอยู่ข้างหลุมศพ แต่ถ้าถูกปากอีกฝ่าย เขาอาจจะกลับไปเขียนจดหมายสักฉบับ
ถามถึงความเป็นไปของเพื่อนเก่า แล้วรบกวนให้ส่งของกินนอกเมืองมา
“ก็เลยตัดสินใจย้ายมาที่นี่สินะ อืม..” ชายวัยกลางคนถือจอบขุดดินตรงหน้าอย่างไม่จริงจัง
คล้ายกับเขี่ยเล่นไปมา “บางทีชีวิตมันก็ยากแบบนี้แหละครับ อะไรที่ถูกต้อง
ก็กลายเป็นไม่ถูก เมื่อมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง”
บาทหลวงชำเลืองมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย เจ้าตัวดูตั้งใจขุดหาของมากกว่าเขาเสียอีก
“แต่ถ้าเราตัดสินใจมาแล้ว ก็คงทำได้แค่ยอมรับมันใช่ไหมครับ
อีกอย่าง” คาร์เตอร์ดึงฝากระป๋องน้ำอัดลมดังแกร๊ก สบตาอีกคน “มาเริ่มใหม่ที่นี่ก็ไม่เลวนะ”
ไม่ว่าจะด้วยสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ หรือว่าผู้คน หากได้เจอความสงบของที่นี่
ฮัคเคิลเบอร์รี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปอีกสักพัก คาร์เตอร์คิดว่าตัวเองควรจะเลิกอู้งานเสียที
บาทหลวงกำลังจะลุกขึ้นไปยังหลุมศพอีกด้าน แต่ก็ต้องชะงัก
เมื่อเห็นประกายแวววาวอยู่บริเวณปลายเท้า มันส่องแสงกับพระอาทิตย์เสียจนแยงตา
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เอื้อมมือไปคุ้ยดินตรงหน้า “นี่” ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายขุดได้ลึกขนาดไหน
หรือขุดไปได้กว้างเท่าไหร่ มีครู่หนึ่ง ที่เขาคิดเสียดายแรงและเวลาแทน
ทว่า กลับดีใจมากกว่า ที่ dog tags ที่ตามหาอยู่นานสองนานวางอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
“เจอแล้วล่ะครับ” คาร์เตอร์ชูอันที่เปื้อนดิน ก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายรับไปดู
มันมีทั้งชื่อเต็ม หน่วย สังกัด กรุ๊ปเลือด อะไรก็ตามที่เป็นข้อมูลระบุตัวทหารในสงคราม
“เสียแรงขุดไปเยอะเลย เราเหนื่อยรึเปล่าครับ”
"ครับ...แต่ผมว่าใช้คำว่าไม่เลวคงไม่ถูกนัก ต้องบอกว่ามัน 'วิเศษ' มากต่างหากล่ะครับ"
เขาสบตาอีกฝ่ายตอบขณะพูด มอร์เฟียสไม่เสียใจเลยที่เลือกมาใช้ชีวิตชาวสวนชาวไร่อยู่ที่นี่
เพราะที่นี่ทำให้เขาเจอบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต
ในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายเจอ dog tags ที่หายไป
มอร์เฟียสยื่นมือไปรับมันมาดูใกล้ๆ เขาปัดเศษดินบนนั้นออก ตัวอักษรบนของสิ่งนี้ไม่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา
เมื่อก่อนมันเคยชัดอย่างไร วันนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิม
อีกฝ่ายอยู่หน่วย สังกัดไหนน้า...ชายหนุ่มอ่านข้อมูลบนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
และถึงจะรู้ว่ามีข้อมูลอยู่แค่นั้น แต่เขาก็ยังพลิกไปพลิกมา เหมือนคิดว่าข้อความมันจะโผล่ขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น
"ตอนอยู่ในหน่วยพ่อทำอะไรบ้างเหรอครับ?"
เขาถามออกไปด้วยความใคร่รู้ เผื่อบางทีอีกฝ่ายจะหลุดปากเรื่องสงครามออกมาให้ได้ยิน
มอร์เฟียสมองไปยังหลุมรอบๆตัว
ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม..มนุษย์คนไหนขุดหลุมมากขนาดนี้ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา
และใช่ เขาก็เป็นมนุษย์คนนึง
"เหนื่อยครับ คืนนี้ต้องปวดแขนแน่ๆเลย"
เขาโคลงหัวไปมาเบาๆก่อนจะบีบไหล่ตัวเองที่ตอนนี้เริ่มปวดขึ้นมานิดหน่อยแล้วหลังจากหยุดการขุดไปได้สักพัก
"แล้วพ่อไม่เมื่อยเหรอครับ เหนื่อยรึเปล่า?"
เมื่อได้พักเหนื่อยจากการใช้แรงงานแล้วสมองก็เหมือนจะคิดอะไรออกขึ้นมา
"มะรืนวันเกิดพ่อนี่ครับ...พ่อกลับจากห้องแทงพูลกี่โมงเหรอ?"
ชายหนุ่มถามเพราะเขาจำได้ว่าวันศุกร์คนเป็นบาทหลวงจะไปอยู่ที่ห้องแทงพูล แต่ที่นั่นมันคนเยอะไป...
เขาชอบที่คนน้อยๆมากกว่า มันดูไม่วุ่นวายดี