"แค่นี้ไม่เรียกว่ารบกวนหรอกครับ"
มอร์เฟียสรับจอบมาถือไว้ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ช่วงนี้เขาชำนาญกับการขุดดินแล้ว
เพราะงั้น...ถึงสุสานจะกว้างไปสักหน่อย แถมยังช่วยกันหาตั้งสองคน คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก
ชายหนุ่มเดินตามไปยังหลุมที่อยู่อีกฝั่งนึง รอยเท้าพวกนั้นคงเป็นของกระต่ายน้อยตัวนี้นี่เอง
ซนใช่เล่นนะเรา เขานึกถึงกระต่ายตัวนั้น...ไว้เจอต้องจับตีก้นแล้ว
มันจะรู้ไหมว่าเจ้านายมันกำลังเดือดร้อนอยู่
"กระต่ายพ่อชื่ออะไรนะครับ"
เหมือนบาทหลวงประจำโบสถ์จะไม่เคยบอกเขาว่ามันชื่ออะไร
มอร์เฟียสเบนสายตาตัวเองกลับมาเมื่ออีกฝ่ายชู dog tags ขึ้นมาให้เขาดู
ปกติแล้วมันจะมีสองอัน...แต่ที่เขาเห็นคืออันเดียว และสำหรับทหารแล้ว มันคงสำคัญมากจริงๆ
"ของสำคัญของพ่อ ผมต้องตามหากลับมาให้ได้แน่นอนครับ"
คำพูดถูกกล่าวออกไปอย่างหนักแน่น ราวกับจะเอ่ยคำสัญญากับคนตรงหน้า
แต่ก็ไม่พูดเปล่า เขาลงมือ'ขุด'อย่างขยันขันแข็งทันที
อยู่ๆเขาก็คิดถึงคำพูดของคนเป็นบาทหลวงที่พูดไว้ในวันอาทิตย์ขึ้นมาได้
"ถ้าพ่อไม่เหนื่อยจนเกินไป ระหว่างที่หา...เล่าเรื่องสมัยก่อนให้ฟังได้ไหมครับ?"
“เดี๋ยวพ่อถีบ อันนี้ไม่ได้ด่านะครับ” คาร์เตอร์บอกชื่อสัตว์เลี้ยง พร้อมกำชับความเข้าใจ
เขาเข้าใจว่าชื่อกระต่ายของตนคงไม่ลื่นหูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนตอนนี้
เดี๋ยวพ่อถีบคงจะได้ถีบเอาจริงๆ เพราะดูมันจะชอบชื่อนี้เหลือเกิน
โชคดีที่วันนี้อากาศเป็นใจ มีลมผ่านเป็นระยะ ทำให้ไม่ค่อยร้อนอย่างวันที่ผ่านๆ มา
คนเป็นบาทหลวงใช้จอบขุดดินตรงหน้าออกเป็นวงกว้าง ดีหน่อยที่ดินไม่ค่อยแข็งตัว
จึงทำให้ง่ายต่อการขุดคุ้ย หาของ เขานั่งยองๆ ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมของบาทหลวง
ปลายเสื้อเขิ้ตเริ่มหลุดรุ่ยออกมา แต่คาร์เตอร์ก็ไม่ได้สนใจ
“เรื่องเมื่อก่อนใช่ไหมครับ อืม.. แลกกันเล่านะ ?” เหมือนจะถาม แต่เป็นประโยคร้องขอ
เขาใช้ความคิด พยายามหาเรื่องที่ดูดี หรืออย่างน้อยก็เหมือนจะดูดี
ทว่า เรื่องราวก่อนช่วงที่จะมาเป็นบาทหลวงนั้น ไม่ค่อยน่าภิรมย์สักเท่าไหร่
หรือ.. คาร์เตอร์คิด หรือเขาก็แค่ไม่มั่นใจ ว่าอีกฝ่ายจะรับเรื่องราวนั่นไหวไหม
และถ้าอยากจะฟังจริงๆ แล้วล่ะก็ สิ่งแรกที่อีกฝ่ายคงอยากรู้คือเขาเกิดที่ไหน
ชีวิตวัยเด็กอันแสนรันทดของเขาเป็นอย่างไร
เรื่องทำนองว่าบุพการีของเขาต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนกับการกระทำของลูกชาย
แต่เห็นแก่คุณแม่ที่ตายไปแล้วของคาร์เตอร์
ชายวัยกลางคนไม่อยากให้เธอฟื้นขึ้นมาอกแตกตายอีกรอบ
เมื่อลูกชายพูดถึงเรื่องทำนองว่าแม่ทำอาหารอร่อยแค่ไหน
อย่างน้อย คาร์เตอร์ก็ได้พรสวรรค์ด้านนั้นมาจากเธอ
“ก่อนมาเป็นบาทหลวง พ่อเคยเป็นทหารมาก่อน” อันนี้อีกฝ่ายคงรู้แล้ว แต่เขาจะเกริ่น
“จริงๆ ก็ไม่ได้รักชาติอะไรหรอกครับ ตอนนั้นก็เป็นแค่วัยคึกคะนองคนนึง
ที่หาเรื่องไปวันๆ เป็นที่รักของเพื่อนๆ แต่เรียนไม่จบ ทางโรงเรียนปวดหัว แม่ไม่ประทับใจ
พ่อก็แค่อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนั้น เลยสมัครเป็นทหาร”
สามคืนแรกที่เขาไปเป็นน้องใหม่ มีคนลองของโดยการขโมยอาหารหน่วยพยาบาล
และคำขู่ที่ต้องดันพื้นทั้งคืน เป็นร้อยครั้งพันครั้งก็ทำการพิสูจน์โดยคาร์เตอร์
ว่าคำกล่าวนั่นไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เขายังจำหน้าเหยเกของตัวต้นเหตุได้อยู่เลย
“มีช่วงหนึ่ง ที่เราจะคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ไปมากกว่าตัวเอง
คาร์เตอร์เอ๋ย ทุกคนไม่ได้ฉลาดไปกว่าเจ้าหรอก” เขาดัดเสียงตลกๆ นึกถึงตัวเองตอนนั้น
“แต่ก็ถูกคนในนั้น สภาพแวดล้อมเปลี่ยนความคิดใหม่ เอ ถ้าตอนนี้เขาเรียกว่าอะไรนะครับ
รู้สึกจะเป็นตบกะโหลกเรียกสติ ? ตอนนั้นพ่อโดนจนน่วมเลยล่ะ”
“เอาเข้าจริง พ่อเองก็เสียดายที่ตอนนั้นไม่ยอมทนเรียนให้จบนะ”
เขาว่า พลางขุดดิน นึกเสียดายทุกที ว่าอีกแค่ไม่กี่เดือนเขาก็จะเรียนจบแล้ว
อย่างน้อยคนที่บ้านเขาก็น่าจะภูมิใจ และเอาไปพูดอวดได้ว่า ลูกชายได้เหรียญทอง
“พ่อต้องมาเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในหน่วยเอาครับ โชคดีหน่อยที่หัวไว
เลยไม่ค่อยมีอุปสรรค์ในการอ่านเขียน อย่างภาษารัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส
และอีกหลายๆ ภาษาที่ต้องเรียนรู้เอาไว้ เวลาเจอรหัสลับจะได้เดาทางศัตรูถูก”
คาร์เตอร์หยุดเล่า จอบในมือด้านซ้ายเหมือนจะขุดเจออะไรแข็งๆ
เขารู้ว่าคงไม่ใช่ dog tags ที่ตนตามหา แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ว่าจะเจออะไร
“โอ๊ะ” ชายวัยกลางคนขุดให้ลึกขึ้น “ดูสิ เราเจอนี่ด้วยล่ะ”
คาร์เตอร์หยิบกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมา นึกได้ว่ามันเป็นของที่เพื่อนเก่าเคยส่งมาให้เมื่อนานมาแล้ว
“ไม่นึกเลยว่าจะเจอที่นี่ ตั้งสองกระป๋องแหนะ!” ชายวัยกลางคนว่า พยายามไม่เขย่า
เรียกให้คนที่ขุดอยู่อีกฝั่งดู “มอร์เฟียส ยี่ห้อนี้อร่อยนะ ดูเหมือนจะยังไม่หมดอายุด้วย”
ว่าแล้วก็โยนให้คนหนุ่มกว่ารับ โดยไม่ได้สนว่าลูกมือของตนเตรียมพร้อมแล้วรึยัง
“อันนั้นพ่อให้ คิดซะว่าเรากำลังค้นหาสมบัติอยู่ก็แล้วกันนะครับ”
พอออกแรงไปได้นิดหน่อย คาร์เตอร์เองก็เริ่มรู้สึกอยากพัก
เขานั่งพิงหลังกับหลุมศพข้างๆ วางจอบที่ถือไว้แต่แรก ใช้เสื้อที่ใส่เป็นผ้าเช็ดความสะอาด
ไม่ได้สนใจว่าจะเปื้อนดินมากเท่าไหร่ แต่เพราะเขารู้สึกอยากกิน
แกร๊ก
“แล้วลูกล่ะครับ เป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ ดูเหมือนเรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้แบบจริงๆ จังๆ เลย”
เขาดื่มไปอึกใหญ่ เสยผมที่ปรกบังหน้า พลางคิดว่าแปลกดีนะ
ที่คาร์เตอร์เล่าไป ไม่ถึงครึ่งชีวิตของการเป็นทหารเก่าด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นไปได้.. ก็อย่าได้เริ่มเล่าอะไรให้ใครฟัง เพราะถ้าเล่าแล้ว เขาจะเริ่มคิดถึงทุกๆ คน
คาร์เตอร์เลยต้องหยุด ถือโอกาสพักเพื่อที่จะฟังเรื่องราวจากอีกฝ่าย
และบรรยากาศก็ดูจะให้เสียเหลือเกิน ผู้ชายสองคน ข้างหลุมศพ ในสุสาน